sirirat M8 ป.บัญฑิต หมู่ 8

พรุ่งนี้ ก็ เช้า แล้ว

วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552

การจัดกระบวนการเรียนการสอน รายงานวันที่ 6 กันยายน 2552

แผนการจัดการเรียนรู้
กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การดำรงชีวิตของสัตว์ เวลา 12 ชั่วโมง
แผนการเรียนรู้ที่ 11 เรื่อง ปลา เวลา 2 ชั่วโมง
วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552 สอนโดย นางสาวศิริรัตน์ สุวรรณ

สาระที่ 1 : สิ่งมีชีวิตกับกระบวนการดำรงชีวิต
มาตรฐาน ว 1.1: เข้าใจหน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่างๆ
ของสิ่งมีชีวิตที่ทำงานสัมพันธ์กันมีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้
และนำความรู้ไปใช้
มาตรฐาน ว ข้อที่ 1.1.1 สำรวจตรวจสอบ สืบค้นของมูล อภิปรายและอธิบาย โครงสร้างและหน้าที่
ของโครงสร้างต่างๆ วัฏจักรชีวิต การสืบพันธุ์และการขยายพันธุ์
ปัจจัยบางประการที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต การสังเคราะห์แสง
การตอบสนองต่อสภาพแวดล้อม รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์

สาระสำคัญ
ปลาเป็นสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังหายใจด้วยเหงือกปลาบางชนิดมีฟันแหลมสามารถที่จะงับเหยื่อได้ ปลาบางชนิดกินพืชหรือแพลงก์ตอนเป็นอาหาร เกล็ดของปลามีไว้เพื่อปกคลุมร่างกายเพื่อป้องกันอันตราย รูปร่างของปลาแต่ละชนิดจะแตกต่างกันไป เช่น ปลาลำตัวทรงกระบอก เช่น ปลาช่อน ปลาบางชนิดลำตัวแบน เช่น ปลากระเบน ลำตัวยาว เช่น ปลาไหล

จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกอวัยวะภายนอกและภายในของปลาได้
2. อธิบายการทำงานอวัยวะส่วนต่างๆ ของปลาได้

สาระการเรียนรู้
1. อวัยวะภายนอกและภายในของปลาได้
การทำงานอวัยวะส่วนต่างๆ ของปลาได้

กระบวนการเรียนการสอน

ทำแบบทดสอบก่อนเรียน


ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนากันเรื่องปลาและถามนักเรียนว่ารู้จักอวัยวะใดของปลาบ้าง เพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียน นักเรียนแบ่งกลุ่ม และไปศึกษาจากวิทยากร


นักเรียนศึกษาจากของจริง โดยมีวิทยากรให้ความรู้


แบ่งกลุ่มเพื่อศึกษา
แต่ละกลุ่มวาดภาพความรู้เรื่องปลา และศึกษาการทำงานของอวัยวะของปลา
นำเสนอผลงาน พร้อมทั้งสรุป
ครูอธิบายเพิ่มเติม
สอบหลังเรียน
สื่อที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอน
การวัดผล ประเมินผล
การนำเสนอผลงาน
การทดสอบ

วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2552

สื่อทางเสียง รายงาน 2 ส.ค. 52

สื่อทางเสียง

สื่อการเรียนการสอน หมายถึง ตัวกลางหรือช่องทางในการถ่ายทอดองค์ความรู้

ทักษะประสบการณ์จากแหล่งความรู้ไปสู่ผู้เรียน และทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างมี

ประสิทธิภาพ สื่อทางเสียงนับเป็นสื่อที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งในการเรียนการสอน

เนื่องจากเป็นเครื่องมือเพื่อใช้ในการถ่ายทอดเสียงจากครูผู้สอน ทำให้ผู้เรียน

สามารถเข้าใจมากกว่า การเห็นภาพเพียงอย่างเดียวการใช้สื่อทางเสียงช่วยใน

การจัดการเรียนการสอนจำเป็นต้องมือเครื่องมือประเภทโสตทัศนูปกรณ์เข้ามา

ร่วมด้วยเช่น เครื่องเสียง ไมโครโฟน โสตวัสดุ เช่นเครื่องเครื่องบันทึกเสียง

เครื่องรับวิทยุ เครื่องเล่นแผ่นเสียง แผ่นเสียง เครื่องขยายเสียง เป็นต้น

เครื่องเสียง เครื่องเสียงมีลักษณะที่เป็นอุปกรณ์ที่เป็นสื่อกลางหรือตัวผ่านใน

การถ่ายทอดเนื้อหาประเภทเสียงจากมนุษย์และแหล่งกำเนิดเสียงต่างๆให้มี
เสียงดังเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้ได้ยินในระยะไกลและเพิ่มความดังของเสียงเพื่อ
ให้ผู้ฟังจำนวนมากได้ยินอย่างชัดเจน


องค์ประกอบของเครื่องเสียงประกอบด้วยภาคสัญญาณเข้า(ไมโครโฟน)

ภาคขยาย สัญญาณ ภาคสัญญาณออก (ลำโพง)

เครื่องเทปเสียง
เครื่องเทปเสียงเป็นอุปกรณ์ในภาคสัญญาณเข้า เพื่อบันทึกเสียงต่าง ๆ ลงบนแถบเทป โดยใช้การเคลื่อนที่ของแถบเทปผ่านหัวเทปซึ่งอาศัยหลักการเหนี่ยวนำของคลื่อไฟฟ้าความถี่เสียง เมื่อบันทึกเสียงแล้วจะมีการนำมาเล่นเพื่อส่งไปยังภาคขยายสัญญาณและถ่ายทอดเป็นคลื่นเสียงธรรมชาติให้ได้ยินต่อไป
ประเภทของเครื่องเทปเสียง
เครื่องเทปเสียงแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทตามลักษณะของตลับเทป ได้แก่
1. แบบม้วนเปิด (open reel ) เป็นเทปบันทึกเสียงที่ให้คุณภาพเสียงดี เหมาะสำหรับการใช้งานระดับมืออาชีพ เช่น เสียงดนตรี รายการวิทยุ เป็นต้น
2. แบบกล่อง ( cartridge ) หรือเรียกทับศัพท์ว่า “เทปคาทริดจ์” เป็นเทปที่บรรจุอยู่ในกล่องมีขนาดความกว้างแถบเทป ¼ นิ้ว พันเป็นวงปิดระหว่างวงล้อ 2 วงโดยจะมีการเล่นเทปวนซ้ำไปมาไม่รู้จบ เทปแบบนี้นิยมใช้งานสปอตวิทยุ
3. แบบตลับคาสเซต ( cassette ) เป็นเทปบันทึกเสียงที่อยูในตลับพลาสติกแบน เป็นแบบที่นิยมใช้กันทั่วไป มีขนาดความกว้างแถบเทป 1/8 นิ้ว
4. แบบตลับคาสเซตเล็ก ( micro cassette ) มีลักษณะเช่นเดียวกับเทปคาสเซตธรรมดาแต่บรรจุในตลับขนาดเล็กกว่า มีความยาวในการเล่นเพียง 15 นาทีเท่านั้น
การใช้งาน
เครื่องเทปเสียงจะมีขั้นตอนสำคัญในการใช้งาน 3 ลักษณะ
1. การบันทึกเสียง (record) เครื่องเสียงเทปไม่ว่าประเภทใดก้ตาม จะมีการบันทึกเสียงลงบนแถบเทปโดยอาศัยหลักการเดียวกัน คือ คลื่อเสียงที่ป้อนเข้าไมโครโฟนซึ่งเป้นตัวส่งสัญญาณไฟฟ้าจะถูกเปลี่ยนแปลงเป็นกระแสไฟฟ้าความถี่เสียง แล้วขยายโดยเครื่องขยายเสียงให้กำลังแรงขึ้นเพื่อส่งไปยังหัวเทปซึ่งมีลักษณะเป็นขดลวดพันรอบแกนเหล็ก
2. การเปิดฟัง (play back) เป็นการนำแถบเทปที่มีการบันทึกเสียงแล้วในรูปของพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้ามาเปิดฟัง โดยขณะที่แถบเทปเคลื่อนผ่านหัวเทปจะทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าความถี่เสียง แล้วส่งต่อไปยังเครื่องขยายเสียง
3. การลบเทป (erase) เป็นการลบเสียงที่บันทึกไว้แล้วโดยการให้แถบเทปเคลื่อนที่ผ่านหัวเทปหรือสนามแม่เหล็กที่มีกำลังสูง ซึ่งจะทำให้โมเลกุลแม่เหล็กบนแถบเทปถูกทำให้เป็นระเบียบใหม่และจะทำให้เสียงที่บันทึกไว้แล้วหายไป

ตัวอย่างสื่อทางเสียง
วิทยุ
วิทยุ เป็นสื่ออุปกรณ์สื่อสารในการรับส่งข่าวสารข้อมูลทางเสียงโดยใช้คลื่นแม่ เหล็กไฟฟ้าโดยไม่ต้องใช้สาย การใช้วิทยุเพื่อเป็นสื่อมวลชนเพื่อการศึกษาในประเทศไทยเริ่มมีตั้งแต่ปี พ.ศ.2497 โดยใช้วิทยุการศึกษาทั้งในระบบและนอกระบบโรงเรียน ถ้าเป็นการศึกษาในระบบโรงเรียนจะรียกว่า “วิทยุโรงเรียน” ถ้าเป็นการศึกษานอกระบบโรงเรียนจะเป็นในลักษณะของ “วิทยุไปรษณีย์” ซึ่งเราเรียกวิทยุในการศึกษานี้รวมกันว่า “วิทยุศึกษา”
การใช้วิทยุเพื่อการศึกษา
การใช้วิทยุเพื่อการศึกษาสามารถนำมาใช้ในรูปแบบต่างๆ ได้แก่
1.การสอนโดยตรง เป็นการใช้วิทยุเพื่อเป็นสื่อสอน โดย ตรงในบางวิชาหรือบางตอนของบทเรียน รายการวิทยุที่ใช้สอนจึงเป็นการเสนอเนื้อหาตามบทเรียนในหลักสูตร การบทเรียนทางวิทยุเพื่อการสอนโดยตรงนี้อาจใช้ได้ในสถานที่ ที่ขาดแคลนครู หรือครูผู้สอนอาจไม่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นเพียงพอก็ได้จึงต้องใช้ รายการวิทยุแทน การสอนโดยใช้วิทยุสามารถกระทำได้ดังนี้
ก.ใช้เป็นเครื่องมือในการสอน โดยผู้สอนจะวางแผนการสอนโดยนำรายการวิทยุเข้าไว้ในกระบวนการสอนด้วย หรือการใช้วิทยุเป็นสื่อเข้ามามีบทบาทเพื่อสอนเรื่องใดเรื่องหนึ่งแทนผู้สอน โดยตรงในห้องเรียน ซึ่งผู้สอนจะต้องศึกษาจากตารางการออกอากาศที่กำหนดไว้เพื่อนำรายการนั้นมา สอนให้ตรงกับเวลาของตน
ข.ใช้เป็นแหล่งการเรียนรู้ เป็นการบันทึกเสียงรายการวิทยุที่ใช้สอนบทเรียนต่างๆ ไว้ในเทปเสียง แล้วรวบรวมไว้ในห้องสมุด เพื่อให้ผู้เรียนสามารถขอยืมออกไปเปิดฟังและสึกษาด้วยตนเองเพื่อการเรียนรู้ หรืออาจใช้เพื่อการทบทวนบทเรียนและสอนเป็นกลุ่มย่อยก็ได้
ค.ใช้เป็นสื่อหลักในการในการศึกษาตามหลักสูตร ด้วยการจัดการสอนแก่ผู้เรียนในระบบการศึกษาแบบทางไกล โดยให้ผู้เรียนฟังรายการสอนจากวิทยุเป็นหลักแล้ศึกษาเพิ่มเติมจากสื่ออื่นๆ เช่น สื่อสิ่งพิมพ์หรือการพบกลุ่ม เพื่อเสริมความรู้จากบทเรียนตามที่ได้ฟังมา
ง.เป็นสื่อเสริมในการศึกษาระบบเปิด ด้วยการใช้รายการวิทยุเป็นสื่อเสริมประเภทหนึ่งในระบบการศึกษาทางไกล โดยใช้ร่วมกับสื่ออื่นๆ เช่น โทรทัศน์หรือสิ่งพิมพ์เป็นต้น
จ.ใช้เป็นอุปกรณ์ในการฝึกอบรม เป็นการใช้รายการวิทยุหรือเทปบันทึกเสียงรายการนั้นๆ เพื่อการสอนหรือฝึกอบรมในหน่วยงาน
2.การเพิ่มคุณค่าในการสอน เป็น การใช้รายการวิทยุเพื่อปรุงแต่งและเสริมคุณค่าของการสอนในบางวิชาให้มี ประสิทธิผลสูงขึ้น โดยการเสนอรายการที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรบทเรียนนั้นให้ผู้เรียนฟังเพื่อ ให้มีความรู้ความเข้าใจในสิ่งที่เรียนนั้นแตกฉานยิ่งขึ้น เช่น การสอนภาษาต่างประภาษาต่างประเทศโดยพูดจากเจ้าของภาษา การบรรเลงดนตรี เป็นต้น
วิทยุโรงเรียนคืออะไร
วิทยุ โรงเรียนเป็นสื่อการเรียนการสอนอย่างหนึ่ง ซึ่งจัดเป็นบริการสื่อเพื่อการศึกษา สำหรับโรงเรียนระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษาทั่วประเทศ วิทยุโรงเรียนเป็นสื่อประสมกล่าวคือเป็นการใช้สื่วิทยุกระจายเสียง ประกอบกับสื่อสิ่งพิมพ์ คือ คู่มือการสอนของครู บัตรภาพ บัตรคำ สำหรับนักเรียนด้วย
เนื้อหา ของบทเรียนวิทยุโรงเรียนได้จัดให้สอดคล้องกับเนื้อตามหลักสูตรของกระทรวง ศึกษาธิการ ปัจจุบันวิทยุโรงเรียนจัดทำบทเรียนรายวิชาต่างๆ สำหรับระรับประถมศึกาทุกกลุ่ม
ประวัติการดำเนินงานโครงการวิทยุโรงเรียน
ความเป็นมา กระทรวง ศึกษาธิการ ได้ดำเนินงานโครงการจัดตั้งบริการวิทยุกระจายเสียงเพื่อการศึกษาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2497 โครงการนี้มีนโยบายใช้วิทยุเป็นสื่อนำวิทยาการใหม่ๆ ทั้งนี้โดยกำหนดการจัดรายการเป็น 2 ภาค คือ
การกระเสียงภาคเพื่อความรู้ความบันเทิงแก่ประชาชนทั่วไป เรียกว่า ภาควิทยุเพื่อการศึกษาประชาขน
การ กระจายเสียงเพื่อการศึกษาในโรงเรียน เรียกว่า ภาควิทยุโรงเรียน เรียกว่า ภาควิทยุโรงเรียน เริ่มดำเนินงานตั้งแต่ปีการศึกษา 2501 เป็นต้นมา
วิทยุโรงเรียนช่วยการเรียนการสอนได้อย่างไร
วิทยุ โรงเรียนจัดทำขึ้นเพื่อช่วยปรับปรุงและส่งเสริมคุณภาพการเรียนการสอนในห้อง เรียนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นบทเรียนวิทยุโรงเรียนช่วยสอนโดยตรงในบางวิชา และช่วยสาธิตการสอนในบางวิชา เพื่อให้แนวทางและเสนอแนะเทคนิคการสอนใหม่ๆ แก่ครู สำหรับนักเรียนวิทยุโรงเรียนช่วยนำประสบการณ์จากโลกภายนอกมาสู่ห้องเรียน ทำให้การเรียนการสอนมีชีวิตชีวาขึ้นนอกจากนี้วิทยุโรงเรียนยังเป็นสื่อการ สอนที่เป็นประโยชน์มากสำหรับโรงเรียนขนาดเล็ก หรือโรงเรียนที่ขาดครูเฉพาะบางวิชาอีกด้วย
สำหรับครู
บทเรียนวิทยุโรงเรียนช่วยการสอนในห้องเรียนของครูตามแนวหลักสูตรใหม่ รวมทั้งช่วยเสริมเนื้อหาของหลักสูตรให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ครูผู้สอนให้แนวคิด และเทคนิคการสอนแปลกๆ ใหม่ๆ ที่น่าสนใจ เพื่อนำไปปรับปรุงการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
วิทยุโรงเรียนช่วยครูสอนได้ในวิชาที่ถนัด หรือมีประสบการณ์น้อย เช่น วิชาดนตรีและนาฏศิลป์ ภาษา
สำหรับนักเรียน
บทเรียนโรงเรียนมีกิจกรรมโรงเรียนที่เร้าความสนใจของนักเรียนทำให้นักเรียนสนุกสนานกับบทเรียน
วิทยุโรงเรียนมีเทคนิคการสอนที่ช่วยนักเรียนเข้าใจเนื้อหาบทเรียนง่ายขึ้น และเกิดความคิดรวบยอดที่ถูกต้อง
ช่วยนำประสบการณ์ใหม่ๆ จากโลกภายนอกมาสู่ห้องเรียนช่วยให้นักเรียนมีความรู้ทันต่อเหตุการณ์ปัจจุบัน

ป้ายกำกับ:

วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

หวัดดีฮะ

แนะนำตัว

นักศึกษา ป.บัณฑิต ราชภัฎอุดรธานีค่ะ